Welcome to blogger of Miss Prapaporn Sainet.

วันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Record 6
Tuesday 20 February  2018

เนื้อหาการเรียนการสอน / Teaching content
     
      การจัดประสบการณ์การเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัยตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย ครูจะต้องเข้าใจการเรียนรู้ที่เด็ก และสร้างเสริมประสบการณ์และธรรมชาติการเรียนรู้ให้แก่เด็ก โดยการจัดสิ่งแวดล้อมและรูปแบบกิจกรรมที่หลากหลาย

สาระที่ควรเรียนรู้
1. เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็ก  
    เด็กควรรู้จักชื่อ นามสกุล รูปร่าง หน้าตา อวัยวะส่วนต่างๆของร่างกาย รวมถึงวิธีการดูแลรักษาร่างกายให้สะอาด ปลอดภัย เรียนรู้ที่จะเล่นและทำสิ่งต่างๆด้วยตนเองคนเดียวหรือกับผู้อื่น ตลอดจนเรียนรู้ที่จะแสดงความคิดเห็น ความรู้สึกและแสดงมารยาทที่ดี
2. เรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก  
    เด็กควรได้มีโอกาสรู้จักและรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัว สถานศึกษา ชุมชน รวมทั้งบุคคลต่างๆที่เด็กต้องเกี่ยวข้องหรือมีโอกาสใกล้ชิดและมีปฏิสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน
3. ธรรมชาติรอบตัว  
    เด็กควรจะได้เรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิต สิ่งไม่มีชีวิต รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของโลกที่แวดล้อมเด็กตามธรรมชาติ เช่น ฤดูกาล กลางวันกลางคืน ตลอดจนปลูกฝังให้เด็กเกิดความรักความหวงแหนในโลกใบนี้
4. สิ่งต่างๆรอบตัวเด็ก  
    เด็กควรจะได้รู้จักสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัว โดยการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในการสำรวจ ค้นคว้าและทดลองสิ่งต่างๆ รวมทั้งการสื่อสารต่างๆที่อยู่ในชีวิตประจำวัน


    
สาระการเรียนรู้ที่เด็กควรรู้  โดยการบูรณาการทั้ง 6 สาระการเรียนรู้ ดังนี้
  • สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
  • สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
  • สาระการเรียนรู้ภาษา
  • สาระการเรียนรู้ศิลปะ
  • สาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
  • สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา







ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน 8 ทักษะ


ทักษะที่ การสังเกต 
     หมายถึง การใช้ประสาทสัมผัสของร่างกายอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ได้แก่ หู ตา จมูก ลิ้น กายสัมผัส เข้าสัมผัสกับวัตถุหรือเหตุการณ์เพื่อให้ทราบ และรับรู้ข้อมูล รายละเอียดของสิ่งเหล่านั้น โดยปราศจากความคิดเห็นส่วนตน ข้อมูลเหล่านี้จะประกอบด้วย ข้อมูลเชิงคุณภาพ เชิงปริมาณ และรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการสังเกต
ทักษะที่ การวัด 
     หมายถึง การใช้เครื่องมือสำหรับการวัดข้อมูลในเชิงปริมาณของสิ่งต่างๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลเป็นตัวเลขในหน่วยการวัดที่ถูกต้อง แม่นยำได้ ทั้งนี้ การใช้เครื่องมือจำเป็นต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการวัด รวมถึงเข้าใจวิธีการวัด และแสดงขั้นตอนการวัดได้อย่างถูกต้อง
ทักษะ ที่ การคำนวณ 
     หมายถึง การนับจำนวนของวัตถุ และการนำตัวเลขที่ได้จากนับ และตัวเลขจากการวัดมาคำนวณด้วยสูตรคณิตศาสตร์ เช่น การบวก การลบ การคูณ การหาร เป็นต้น โดยการเกิดทักษะการคำนวณจะแสดงออกจากการนับที่ถูกต้อง ส่วนการคำนวณจะแสดงออกจากการเลือกสูตรคณิตศาสตร์ การแสดงวิธีคำนวณ และการคำนวณที่ถูกต้อง แม่นยำ
ทักษะที่ การจำแนกประเภท 
     หมายถึง การเรียงลำดับ และการแบ่งกลุ่มวัตถุหรือรายละเอียดข้อมูลด้วยเกณฑ์ความแตกต่างหรือความสัมพันธ์ใดๆอย่างใดอย่างหนึ่ง
ทักษะที่ การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปส และสเปสกับเวลา สเปสของวัตถุ 
     หมายถึง ที่ว่างที่วัตถุนั้นครองอยู่ ซึ่งอาจมีรูปร่างเหมือนกันหรือแตกต่างกับวัตถุนั้น โดยทั่วไปแบ่งเป็น 3 มิติ คือ ความกว้าง ความยาว และความสูง ความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปสของวัตถุ ได้แก่ ความสัมพันธ์ระหว่าง 3 มิติ กับ 2 มิติ ความสัมพันธ์ระหว่างตำแหน่งที่อยู่ของวัตถุหนึ่งกับวัตถุหนึ่ง
ทักษะที่ การจัดกระทำ และสื่อความหมายข้อมูล 
     หมายถึง การนำข้อมูลที่ได้จากการสังเกต และการวัด มาจัดกระทำให้มีความหมาย โดยการหาความถี่ การเรียงลำดับ การจัดกลุ่ม การคำนวณค่า เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจความหมายได้ดีขึ้น ผ่านการเสนอในรูปแบบของตาราง แผนภูมิ วงจร เขียนหรือบรรยาย เป็นต้น
ทักษะที่ การลงความเห็นจากข้อมูล  
     หมายถึง การเพิ่มความคิดเห็นของตนต่อข้อมูลที่ได้จากการสังเกตอย่างมีเหตุผลจากพื้นฐานความรู้หรือประสบการณ์ที่มี
ทักษะที่ การพยากรณ์ 
     หมายถึง การทำนายหรือการคาดคะเนคำตอบ โดยอาศัยข้อมูลที่ได้จากการสังเกตหรือการทำซ้ำ ผ่านกระบวนการแปรความหายของข้อมูลจากสัมพันธ์ภายใต้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์



หน่วย ใต้ร่มเงาไม้




หน่วย บ้านแสนรัก




หน่วย ผลไม้เพื่อสุขภาพ




หน่วย ประสาทสัมผัสทั้ง 5



หน่วย ตัวฉัน



หน่วย อาหารดีมีประโยชย์



ทักษะ / Skills
     - ทักษะการฟัง
     - ทักษะการคิด
     - ทักษะการเชื่อมโยง
     - ทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม
เทคนิคการสอน / Teaching Techniques
     - การบรรยาย
     - ให้นักศึกษาร่วมแสดงความคิดเห็น
     - ให้นักศึกษาทำกิจกรรมร่วมกันเป็นกลุ่ม
การนำไปประยุกต์ใช้ / Application
     สามารถนำข้อมูลเกี่ยวกับสาระการเรียนรู้ของแต่ละสาระทั้ง 6 สาระการเรียนรู้ไปบูรณาการในหน่วยการสอนต่างๆและยังสามารถนำไปปรับใช้เขียนแผนการสอนได้


การประเมิน / Evaluation
     ประเมินตนเอง    เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจเรียน ช่วยเพื่อนทำงาน
     ประเมินเพื่อน      เพื่อนเข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียน ช่วยกันทำงานกลุ่มและแสดงความคิดเห็น
     ประเมินอาจารย์   อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย เตรียมเนื้อหาการสอนมาได้ดี 
                                 ทบทวนความรู้เดิมให้ และสอดแทรกคุณธรรมเข้าไปด้วย


คำศัพท์ / Vocabulary
     กรอบมาตรฐานการเรียนรู้  = Standard Learning Framework
     กระบวนการ         = Process
     บูรณาการ            = Integration
     สาระที่ควรเรียนรู้  = Things to learn
     ประสบการณ์        = Experience


วันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

Record 5
Monday 12 February  2018

เนื้อหาการเรียนการสอน / Teaching content

ทคนิคการสอนแบบ Storyline



Storyline
     เป็นการนำสาระการเรียนรู้จากหลากหลายเรื่องมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน เพื่อจัดการเรื่องรู้ภายใต้
หัวเรื่องเดียวกัน โดยผูกเรื่องเป็นตอนๆ เรื่องแต่ละตอนจะต่อเนื่องกันและมีลำดับเหตุการณ์และเส้นทางการเดินเรื่อง และใช้คำถามหลักเป็นการนำไปสู่การทำกิจกรรมอย่างหลากหลาย โดยการลงมือปฎิบัติ เน้นการคิด วิเคราะห์ กระบวนการกลุ่ม



องค์ประกอบและลักษณะกิจกรรม









แนวทางการจัดกิจกรรม
  • ศึกษาแลกเปลี่ยน เรียนรู้ วิธีการจัดกิจกรรมแบบ storyline
  • ศึกษาตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ ที่มีลักษณะหัวเรื่องโดยใช้เทคนิค storyline เลือกแผนที่มีความเหมาะสมกับชั้นเรียน เพื่อทดลองสอน
  • เลือกแผนการจัดการเยนรู้ที่มีความยาวสลับซับซ้อนมากขึ้นมาทดลองอีก 2-3 แผนเพื่อให้ชำนาญ
  • ทดลองเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ตามหัวข้อเรื่องที่สนใจผูกโยงเนื้อหาสาระการเรียนรู้ที่หลากหลาย เข้าด้วยกัน
  • สร้างคำถามหลักเพื่อนำไปสู่การจัดการเรียนรู้แบบstoryline
  • กำหนดระยะเวลาสอนในแต่ละหัวข้อ อาจกำหนดต่อเนื่องกัน 2-3ชั่วโมงในทุกวันศุกร์ช่วงบ่าย หรือสอนวันเว้นวัน หรือสัปดาห์สุดท้าย ก่อนปิดภาคเรียนนำแผนไปทดลองสอน
  • บันทึกหลังสอน ปรับแผน กิจกรรม ระยะเวลา
  • เนื้อหาสาระการเรียนรู้
  • เตรียมสื่อแหล่งการเรียนรู้ แหล่งวิทยาการ วิทยากร สถานที่
  • ประเมินผลงานของนักเรียน

ข้อดี
  • Active Learning การคิดและลงมือปฏิบัติ ค้นพบ สืบสวน สร้างจินตนาการ แก้ปัญหา ตัดสินใจ
    รับผิดชอบ
  • ยอมรับคุณค่าของตนเองและผู้อื่น
  • การสื่อสาร
  • ผู้เรียนพัฒนาตนเอง สติปัญญา ความคิด การวิเคราะห์ สร้างสรรค์ แก้ไขปัญหา ตัดสินใจ สร้างความรู้ แสวงหาความรู้ การสื่อสาร การทำงานร่วมกัน 
ข้อจำกัด
  • หัวเรื่องที่สร้างขึ้นต้องเพียงพอที่จะสัมพันธ์เรื่องอื่นได้อย่างกว้างขวาง
  • ไม่ควรสอนหลายๆหัวเรื่องไปพร้อมกัน
  • ความร่วมมือ
  • กิจกรรมต้องมีความหมายกับผู้เรียน

อ้างอิง

สุคนร์ สินธพานนท์และคณะ.(2554) วิธีสอนตามแนวปฏิรูปการศึกษา                        
         เพื่อพัฒนาคุณภาพของเยาวชน. ห้างหุ้นส่วนจำกัด 9119  เทคนิคพริ้นติ้ง.
ฆนัท ธาตุทอง.(2551) การออกแบบการสอนและบูรณาการ.เพชรเกษม การพิมพ์.

ข้อเสนอแนะจากอาจารย์ผู้สอน
     - องค์ประกอบของฉากต้องเริ่มจากเหตุการณ์ขึ้นมา
     - การอภิปราย การพูดทำให้เกิดภาษาในการสื่อสาร
     - การลงมือปฏิบัติใช้ร่างกายปฏิบัติในการประกอบฉาก
     - ตัวละครมีลักษณะของตัวละครที่แตกต่างกัน
     - การเขียนตัวละครเขียนอธิบายออกมาเป็นภาพ
     - ต้องมีการยกตัวอย่างให้ชัดเจนของแต่ละหัวข้อ

การสอนแบบวอลดอร์ฟ


    ผู้ริเริ่มแนวการสอนที่รู้จักชื่อแพร่หลายแบบวอลดอร์ฟ (Waldort)คือ รูดอร์ฟ สไตเนอร์ (Rudolf Steiner) 
วิธีการสอนของสไตเนอร์หรือวอลดอร์ฟ นั้นจัดเป็นการเรียนการสอนแบบเน้นกิจกรรมการเล่น คือ ดนตรี จังหวะ บทเพลง นิทาน เพราะกิจกรรมเหล่านี้ช่วยส่งเสริมความคิดจินตนาการของเด็ก และช่วยพัฒนาการการเคลื่อนไหวของร่างกาย

วอลดอร์ฟ จะพัฒนาเด็กได้อย่างไร
  1. เด็กเรียนรู้จากการเลียนแบบ 0-7 ปี
  2. เน้นการเล่นของเด็ก 3-7 ปี  
  3. มีการจัดอุปกรณ์เครื่องเขียน 
  4. การเรียนรู้ของเด็กทั้งในบ้านและในชั้นเรียนไม่ควรมีของเล่นมากเกินไป
  5. พ่อแม่สามารถทำของเล่นง่ายๆให้ลูกได้
  6. ของเล่นในห้องเรียนสามารถเป็นของใช้ภายในบ้าน
  7. พ่อแม่ไม่ควรให้ลูกดูทีวีมากเกินไป 
  8. ทุกเช้าก่อนเข้าเรียนจะมี “morning verse”
  9. การสอนแบบวอลดอร์ฟไม่เน้นการสอนทางวิชาการ
  10. วอลดอร์ฟให้ความสำคัญกับการจัดสิ่งแวดล้อมที่สวยงามเป็นธรรมชาติ
แนวการเรียนการสอนของโรงเรียนวอลดอร์ฟ
     
      โรงเรียนแนวการเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟ เป็นแนวการศึกษาที่บูรณาการวิชาการไปกับกิจกรรรมต่างๆ โดยมีครูคอยดูแลและอำนวยความสะดวก เน้นการจัดบรรยากาศในการเรียนการสอนที่เน้นความงดงามของธรรมชาติทั้งในกลางแจ้งและในห้องเรียน โดยเชื่อว่าช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี เพื่อพัฒนาให้เด็กเป็นมนุษย์ที่มีบุคลิกภาพที่สมดุลกลมกลืนไปกับโลกและสิ่งแวดล้อมและได้ใช้พลังงานทุกด้านอย่างพอเหมาะ

จุดเด่นของโรงเรียนแนวการสอนวอลดอร์ฟ


  • เป้าหมาย คือ ช่วยให้มนุษย์บรรลุศักยภาพสูงสุดที่ตนมีและสามารถกำหนดความมุ่งหมาย
    และแนวทางแก่ชีวิตของตนได้อย่างอิสระ
  • เน้นเรื่องของการเชื่อมโยงมนุษย์กับจักรวาล โดยมีมุมมองว่า เด็กควรได้เล่นอย่างอิสระ ชีวิตเรียบง่ายกลมกลืนกับธรรมชาติ เน้นการสอนให้รู้จักจุดยืนที่สมดุลของตนในการใช้ชีวิตอยู่บนโลก โดยผ่านกิจกรรม 3 อย่างคือ กิจกรรมทางกาย ผ่านอารมณ์ความรู้สึก และผ่านการคิด เน้นการให้เด็กได้ใช้พลังทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา ด้านศิลปะ และด้านการปฏิบัติอย่างพอเหมาะ
  • จะสอนตามพัฒนาการของเด็ก โดยเฉพาะวัย 0-7 ปีเป็นวัยที่มีพัฒนาการทางกายมาก จึงเน้นไปที่การเล่นเพื่อพัฒนาอวัยวะส่วน
  • สิ่งที่การเรียนแนววอลดอร์ฟเน้นมากคือ "จินตนาการของเด็กคือการเรียนรู้" วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้จะต้องเป็นธรรมชาติ เช่น ถ้าวาดรูป สีที่ใช้ก็จะมีแค่สีปฐมภูมิ คือ สีแดง สีน้ำเงิน สีเหลือง เท่านั้น แนวคิดนี้จะทำให้เด็กมีจิตใจอ่อนโยน มองเห็นว่าโลก สิ่งแวดล้อม และสรรพสิ่งเป็นสิ่งเดียวกันต้องช่วยกันรักษา ซึ่งส่งเสริมให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์เป็น
กิจกรรมที่มุ่งเน้นในโรงเรียนวอลดอร์ฟ


     ส่วนใหญ่แล้วโรงเรียนแนววอลดอร์ฟมักจะเน้นไปที่การเรียนรู้แบบธรรมชาติ ไม่มีห้องเรียน ไม่มีกระดานดำ แต่จะมีมุมต่างๆ ให้เด็กได้เรียนรู้ ได้เป็นอิสระที่จะคิดและสร้างสรรค์ หรือหากเด็กๆ ต้องการเล่นตุ๊กตา เล่นรถ ในห้องก็จะมีข้าวของที่ทำจากธรรมชาติให้ประดิษฐ์ดัดแปลงเล่นกัน เช่น ผ้าหลากสี ท่อนไม้ เปลือกไม้ ลูกสน เป็นต้น ทุกอย่างจะถูกกำหนดให้เป็นได้สารพัดตามแต่ใจเด็กๆ
สภาพแวดล้อมในโรงเรียนวอลดอร์ฟ
    รูดอร์ฟ สไตเนอร์ นักปรัชญาชาวเยอรมัน ผู้ริเริ่มแนวการเรียนการสอนแนววอลดอร์ฟเชื่อว่า สิ่งแวดล้อมที่ดีจะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี โดยเฉพาะเด็กๆ ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนจะซึมซับสิ่งแวดล้อมและเรียนรู้ได้ง่าย ดังนั้นการจัดบรรยากาศทั้งในและนอกชั้นเรียนจึงเป็นเรื่องสำคัญ มีการเน้นความงดงามตามธรรมชาติ เช่น การจัดสีที่นุ่มนวล แสงสว่างจากธรรมชาติที่ไม่จัดจ้า ตลอดจนเสียงที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม เช่น นกร้อง ใบไม้ไหว น้ำไหลริน หรือเสียงดนตรีที่ไพเราะ จะสร้างความรู้สึกอบอุ่น อ่อนโยน และสดชื่นให้เกิดขึ้นในจิตใจเด็กเด็กจะมีพลังตื่นตัวและมีสมาธิในการเรียนรู้ได้ไม่ยาก
สิ่งที่เด็กได้รับจากการเรียนโรงเรียนวอลดอร์ฟ


      การเรียนการสอนแนววอลดอร์ฟจะช่วยให้เด็กเติบโตเป็นมนุษย์ที่มีบุคลิกภาพสมดุลกลมกลืนกับโลกและสิ่งแวดล้อม ให้เด็กได้พัฒนาทั้งร่างกายและจิตวิญญาณควบคู่กันไป เด็กจะพัฒนาถึงศักยภาพสูงสุดของตนได้ โดยการเรียนรู้ของเด็กนั้นจะเป็นไปอย่างสมดุล โดยการเรียนรู้ทางกาย(การลงมือทำ) หัวใจ(ความรู้สึก ความประทับใจ) และสมอง(ความคิด)


อ้างอิง
ศาตราจารย์ ดร.อารี  สัณหฉวี หนังสือ นวัตกรรมปฐมวัย ปีที่พิมพ์ 2537 การสอนแบบวอลดอร์ฟ         
         จะพัฒนาเด็กได้อย่างไร
แนวการเรียนการสอนของโรงเรียนวอลดอร์ฟ เรียบเรียงข้อมูลจาก : พ็อกเก็ตบุ๊กส์ เลือกอนุบาล
         เพื่อสร้างอนาคตลูก จาก สำนักพิมพ์รักลูกบุ๊กส์


การสอนแบบภาษาธรรมชาติ
Whole  Langua


ที่มาของการสอนภาษาแบบธรรมชาติ
     

จอห์น เพียเจต์
Jean piaget

     การสอนภาษาแบบธรรมชาติ  เกิดจากหลักการ และแนวคิด ของนักศึกษา นักวิจัยทางภาษา
ที่มีชื่อเสียง คือ Jean piaget ผู้เชื่อว่าการที่เด็กได้เคลื่อนไหวสัมผัสสิ่งต่างๆรอบตัวจะเป็นการคิดสร้าง
ความรู้ขึ้นภายในตนหรือเด็กเป็นผู้กระทำ ไม่ใช่การรับเข้าไปเฉยๆ การเรียนรู้ของเด็กเกิดจากอิทธิพล
ทางสังคม และเชื่อว่าการสอนภาษาเป็นความสำคัญที่เด็กจะต้องใช้เพื่อการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน
ของเด็กและภาษามีความหมายต่อชีวิต การเรียนภาษาจึงต้องมาจากสิ่งที่เป็นจริงและเกี่ยวข้องกับเด็ก 
โดยเรียนภาษาแบบองค์รวมคือ เรียน ฟัง พูด อ่าน เขียนไปพร้อมกัน

การสอนภาษาแบบธรรมชาติ
     การสอนภาษาแบบธรรมชาติคือ การที่เด็กได้เรียนรู้ การใช้ภาษาทั้งด้านการ ฟัง พูด อ่าน เขียน 
เป็นไปตามธรรมชาติอย่างมีความหมายสอดคล้องเหมาะสมกับวัย  โดยไม่แยกว่าต้องอ่านก่อน เขียน
ก่อน แต่จะเน้นให้เด็กได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง เช่นการอ่านนิทาน เล่าเรื่องราว ฟังเรื่องเล่าจากเพื่อน 
ฟังนิทานจากครู เป็นต้น

ลักษณะการสอนภาษาแบบธรรมชาติ
     เด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ เด็กมีโอกาสเลือกกิจกรรมปฏิบัติอย่างอิสระ ครูเป็นผู้สนับสนุน
การเรียนรู้และร่วมมือจัดการเรียนการสอนระหว่างเด็กกับครู ตั้งแต่วางแผนการเรียนว่า จะทำอะไร ที่ไหน 
เมื่อไหร่ อย่างไร ใช้อุปกรณ์อะไร และใครรับผิดชอบส่วนไหนบ้าง คำนึงถึงการมีปฏิสัมพันธ์ของเด็ก 
เพราะเด็กจะต้องอยู่ในสังคม ห้องเรียนจึงเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมให้กับเด็ก

สถานศึกษาที่จัดการเรียนการสอนแบบภาษาในระดับปฐมวัย
     •    โรงเรียนเกษมพิทยาได้ค้นพบว่า ปัจจุบันเด็กประถมวัยมีปัญหาการเรียนภาษา มีทัศนคติที่ไม่ดี 
           เชื่อว่าเรียนภาษายาก เพราะการสอนเด็กด้วยระบบเก่าเน้นทักษะและเน้นไวยากรณ์
          โดยการแจก  ลูกผสมคำ แต่เด็กกลับอ่านหนังสือไม่ออกในระดับประถมศึกษา ถึงแม้จะฝึกหนัก
     •     การแก้ปัญหาดังกล่าวคือ การเลือกใช้วิธีการสอนที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัย เพราะการพัฒนาการ
           ทางสมองจะมีการทำงานแบบองค์รวม


อ้างอิง
กุลยา ตันติผลาชีวะ (2545). รูปแบบการเรียนการสอนปฐมวัยศึกษา. กรุงเทพมหานคร: บริษัทเอดิสัน เพรสโปรดักส์ จำกัด.
บุบผา เรืองรอง (2550). ภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย . นครศรีธรรมราช: มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช.
วรนาท รักสกุลไทย (2554). นวัตกรรมการสอนภาษาแบบธรรมชาติ. กรุงเทพมหานคร: 
         Thai Teacher TV. (2554 ) . นวัตกรรมการสอนภาษาแบบธรรมชาติ . กรุงเทพมหานคร: 
         โรงเรียนเกษมพิทยา.


ทักษะ / Skills
     - ทักษะการฟัง
     - ทักษะการคิด
     - ทักษะการนำเสนอ
     - ทักษะการเชื่อมโยง
เทคนิคการสอน / Teaching Techniques
     - การบรรยาย
     - ให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็น
     - ให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะ
การนำไปประยุกต์ใช้ / Application
     สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปเป็นแนวทางในการเรียนการสอน และสามารถนำไปบูรณาการใน
รายวิชาอื่นได้


การประเมิน / Evaluation

     ประเมินตนเอง    เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจเรียน
     ประเมินเพื่อน      เพื่อนเข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียน
     ประเมินอาจารย์   อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย เตรียมเนื้อหาการสอนมาได้ดี 
                                 

คำศัพท์ / Vocabulary
     องค์ประกอบ  =   Element
     ความร่วมมือ   =  Cooperation
     บรรยากาศ      =  Atmosphere
     สิ่งแวดล้อม     =  Environment
     ลงมือปฏิบัติ    =  Practice