Record 5
Monday 12 February
2018
เนื้อหาการเรียนการสอน / Teaching content
เทคนิคการสอนแบบ Storyline
Storyline
เป็นการนำสาระการเรียนรู้จากหลากหลายเรื่องมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน
เพื่อจัดการเรื่องรู้ภายใต้
หัวเรื่องเดียวกัน โดยผูกเรื่องเป็นตอนๆ
เรื่องแต่ละตอนจะต่อเนื่องกันและมีลำดับเหตุการณ์และเส้นทางการเดินเรื่อง
และใช้คำถามหลักเป็นการนำไปสู่การทำกิจกรรมอย่างหลากหลาย
โดยการลงมือปฎิบัติ
เน้นการคิด วิเคราะห์ กระบวนการกลุ่ม
องค์ประกอบและลักษณะกิจกรรม
แนวทางการจัดกิจกรรม
- ศึกษาแลกเปลี่ยน เรียนรู้ วิธีการจัดกิจกรรมแบบ storyline
- ศึกษาตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ ที่มีลักษณะหัวเรื่องโดยใช้เทคนิค storyline เลือกแผนที่มีความเหมาะสมกับชั้นเรียน เพื่อทดลองสอน
- เลือกแผนการจัดการเยนรู้ที่มีความยาวสลับซับซ้อนมากขึ้นมาทดลองอีก 2-3 แผนเพื่อให้ชำนาญ
- ทดลองเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ตามหัวข้อเรื่องที่สนใจผูกโยงเนื้อหาสาระการเรียนรู้ที่หลากหลาย เข้าด้วยกัน
- สร้างคำถามหลักเพื่อนำไปสู่การจัดการเรียนรู้แบบstoryline
- กำหนดระยะเวลาสอนในแต่ละหัวข้อ อาจกำหนดต่อเนื่องกัน 2-3ชั่วโมงในทุกวันศุกร์ช่วงบ่าย หรือสอนวันเว้นวัน หรือสัปดาห์สุดท้าย ก่อนปิดภาคเรียนนำแผนไปทดลองสอน
- บันทึกหลังสอน ปรับแผน กิจกรรม ระยะเวลา
- เนื้อหาสาระการเรียนรู้
- เตรียมสื่อแหล่งการเรียนรู้ แหล่งวิทยาการ วิทยากร สถานที่
- ประเมินผลงานของนักเรียน
ข้อดี
- Active Learning การคิดและลงมือปฏิบัติ ค้นพบ สืบสวน
สร้างจินตนาการ แก้ปัญหา ตัดสินใจ
รับผิดชอบ - ยอมรับคุณค่าของตนเองและผู้อื่น
- การสื่อสาร
- ผู้เรียนพัฒนาตนเอง สติปัญญา ความคิด การวิเคราะห์ สร้างสรรค์ แก้ไขปัญหา ตัดสินใจ สร้างความรู้ แสวงหาความรู้ การสื่อสาร การทำงานร่วมกัน
ข้อจำกัด
- หัวเรื่องที่สร้างขึ้นต้องเพียงพอที่จะสัมพันธ์เรื่องอื่นได้อย่างกว้างขวาง
- ไม่ควรสอนหลายๆหัวเรื่องไปพร้อมกัน
- ความร่วมมือ
- กิจกรรมต้องมีความหมายกับผู้เรียน
อ้างอิง
สุคนร์ สินธพานนท์และคณะ.(2554)
วิธีสอนตามแนวปฏิรูปการศึกษา
เพื่อพัฒนาคุณภาพของเยาวชน. ห้างหุ้นส่วนจำกัด 9119 เทคนิคพริ้นติ้ง.
ฆนัท ธาตุทอง.(2551) การออกแบบการสอนและบูรณาการ.เพชรเกษม การพิมพ์.
ข้อเสนอแนะจากอาจารย์ผู้สอน
- องค์ประกอบของฉากต้องเริ่มจากเหตุการณ์ขึ้นมา
- การอภิปราย การพูดทำให้เกิดภาษาในการสื่อสาร
- การลงมือปฏิบัติใช้ร่างกายปฏิบัติในการประกอบฉาก
- ตัวละครมีลักษณะของตัวละครที่แตกต่างกัน
- การเขียนตัวละครเขียนอธิบายออกมาเป็นภาพ
- ต้องมีการยกตัวอย่างให้ชัดเจนของแต่ละหัวข้อ
การสอนแบบวอลดอร์ฟ
ผู้ริเริ่มแนวการสอนที่รู้จักชื่อแพร่หลายแบบวอลดอร์ฟ (Waldort)คือ
รูดอร์ฟ
สไตเนอร์ (Rudolf
Steiner)
วิธีการสอนของสไตเนอร์หรือวอลดอร์ฟ นั้นจัดเป็นการเรียนการสอนแบบเน้นกิจกรรมการเล่น คือ ดนตรี จังหวะ บทเพลง นิทาน เพราะกิจกรรมเหล่านี้ช่วยส่งเสริมความคิดจินตนาการของเด็ก และช่วยพัฒนาการการเคลื่อนไหวของร่างกาย
วิธีการสอนของสไตเนอร์หรือวอลดอร์ฟ นั้นจัดเป็นการเรียนการสอนแบบเน้นกิจกรรมการเล่น คือ ดนตรี จังหวะ บทเพลง นิทาน เพราะกิจกรรมเหล่านี้ช่วยส่งเสริมความคิดจินตนาการของเด็ก และช่วยพัฒนาการการเคลื่อนไหวของร่างกาย
วอลดอร์ฟ
จะพัฒนาเด็กได้อย่างไร
- เด็กเรียนรู้จากการเลียนแบบ 0-7 ปี
- เน้นการเล่นของเด็ก 3-7 ปี
- มีการจัดอุปกรณ์เครื่องเขียน
- การเรียนรู้ของเด็กทั้งในบ้านและในชั้นเรียนไม่ควรมีของเล่นมากเกินไป
- พ่อแม่สามารถทำของเล่นง่ายๆให้ลูกได้
- ของเล่นในห้องเรียนสามารถเป็นของใช้ภายในบ้าน
- พ่อแม่ไม่ควรให้ลูกดูทีวีมากเกินไป
- ทุกเช้าก่อนเข้าเรียนจะมี “morning verse”
- การสอนแบบวอลดอร์ฟไม่เน้นการสอนทางวิชาการ
- วอลดอร์ฟให้ความสำคัญกับการจัดสิ่งแวดล้อมที่สวยงามเป็นธรรมชาติ
แนวการเรียนการสอนของโรงเรียนวอลดอร์ฟ
โรงเรียนแนวการเรียนการสอนแบบวอลดอร์ฟ
เป็นแนวการศึกษาที่บูรณาการวิชาการไปกับกิจกรรรมต่างๆ
โดยมีครูคอยดูแลและอำนวยความสะดวก
เน้นการจัดบรรยากาศในการเรียนการสอนที่เน้นความงดงามของธรรมชาติทั้งในกลางแจ้งและในห้องเรียน
โดยเชื่อว่าช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี
เพื่อพัฒนาให้เด็กเป็นมนุษย์ที่มีบุคลิกภาพที่สมดุลกลมกลืนไปกับโลกและสิ่งแวดล้อมและได้ใช้พลังงานทุกด้านอย่างพอเหมาะ
จุดเด่นของโรงเรียนแนวการสอนวอลดอร์ฟ
- เป้าหมาย
คือ
ช่วยให้มนุษย์บรรลุศักยภาพสูงสุดที่ตนมีและสามารถกำหนดความมุ่งหมาย
และแนวทางแก่ชีวิตของตนได้อย่างอิสระ - เน้นเรื่องของการเชื่อมโยงมนุษย์กับจักรวาล โดยมีมุมมองว่า เด็กควรได้เล่นอย่างอิสระ ชีวิตเรียบง่ายกลมกลืนกับธรรมชาติ เน้นการสอนให้รู้จักจุดยืนที่สมดุลของตนในการใช้ชีวิตอยู่บนโลก โดยผ่านกิจกรรม 3 อย่างคือ กิจกรรมทางกาย ผ่านอารมณ์ความรู้สึก และผ่านการคิด เน้นการให้เด็กได้ใช้พลังทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นสติปัญญา ด้านศิลปะ และด้านการปฏิบัติอย่างพอเหมาะ
- จะสอนตามพัฒนาการของเด็ก โดยเฉพาะวัย 0-7 ปีเป็นวัยที่มีพัฒนาการทางกายมาก จึงเน้นไปที่การเล่นเพื่อพัฒนาอวัยวะส่วน
- สิ่งที่การเรียนแนววอลดอร์ฟเน้นมากคือ "จินตนาการของเด็กคือการเรียนรู้" วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้จะต้องเป็นธรรมชาติ เช่น ถ้าวาดรูป สีที่ใช้ก็จะมีแค่สีปฐมภูมิ คือ สีแดง สีน้ำเงิน สีเหลือง เท่านั้น แนวคิดนี้จะทำให้เด็กมีจิตใจอ่อนโยน มองเห็นว่าโลก สิ่งแวดล้อม และสรรพสิ่งเป็นสิ่งเดียวกันต้องช่วยกันรักษา ซึ่งส่งเสริมให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์เป็น
ส่วนใหญ่แล้วโรงเรียนแนววอลดอร์ฟมักจะเน้นไปที่การเรียนรู้แบบธรรมชาติ
ไม่มีห้องเรียน ไม่มีกระดานดำ แต่จะมีมุมต่างๆ ให้เด็กได้เรียนรู้
ได้เป็นอิสระที่จะคิดและสร้างสรรค์ หรือหากเด็กๆ ต้องการเล่นตุ๊กตา เล่นรถ
ในห้องก็จะมีข้าวของที่ทำจากธรรมชาติให้ประดิษฐ์ดัดแปลงเล่นกัน เช่น ผ้าหลากสี
ท่อนไม้ เปลือกไม้ ลูกสน เป็นต้น ทุกอย่างจะถูกกำหนดให้เป็นได้สารพัดตามแต่ใจเด็กๆ
สภาพแวดล้อมในโรงเรียนวอลดอร์ฟ
รูดอร์ฟ สไตเนอร์
นักปรัชญาชาวเยอรมัน ผู้ริเริ่มแนวการเรียนการสอนแนววอลดอร์ฟเชื่อว่า สิ่งแวดล้อมที่ดีจะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี โดยเฉพาะเด็กๆ
ที่มีจิตใจละเอียดอ่อนจะซึมซับสิ่งแวดล้อมและเรียนรู้ได้ง่าย
ดังนั้นการจัดบรรยากาศทั้งในและนอกชั้นเรียนจึงเป็นเรื่องสำคัญ
มีการเน้นความงดงามตามธรรมชาติ เช่น การจัดสีที่นุ่มนวล แสงสว่างจากธรรมชาติที่ไม่จัดจ้า
ตลอดจนเสียงที่เกิดจากสิ่งแวดล้อม เช่น นกร้อง ใบไม้ไหว น้ำไหลริน
หรือเสียงดนตรีที่ไพเราะ จะสร้างความรู้สึกอบอุ่น อ่อนโยน
และสดชื่นให้เกิดขึ้นในจิตใจเด็กเด็กจะมีพลังตื่นตัวและมีสมาธิในการเรียนรู้ได้ไม่ยาก
สิ่งที่เด็กได้รับจากการเรียนโรงเรียนวอลดอร์ฟ
การเรียนการสอนแนววอลดอร์ฟจะช่วยให้เด็กเติบโตเป็นมนุษย์ที่มีบุคลิกภาพสมดุลกลมกลืนกับโลกและสิ่งแวดล้อม
ให้เด็กได้พัฒนาทั้งร่างกายและจิตวิญญาณควบคู่กันไป
เด็กจะพัฒนาถึงศักยภาพสูงสุดของตนได้ โดยการเรียนรู้ของเด็กนั้นจะเป็นไปอย่างสมดุล
โดยการเรียนรู้ทางกาย(การลงมือทำ) หัวใจ(ความรู้สึก ความประทับใจ)
และสมอง(ความคิด)
อ้างอิง
ศาตราจารย์
ดร.อารี สัณหฉวี หนังสือ
นวัตกรรมปฐมวัย ปีที่พิมพ์ 2537 การสอนแบบวอลดอร์ฟ
จะพัฒนาเด็กได้อย่างไร
จะพัฒนาเด็กได้อย่างไร
แนวการเรียนการสอนของโรงเรียนวอลดอร์ฟ เรียบเรียงข้อมูลจาก
: พ็อกเก็ตบุ๊กส์
เลือกอนุบาล
เพื่อสร้างอนาคตลูก จาก สำนักพิมพ์รักลูกบุ๊กส์
เพื่อสร้างอนาคตลูก จาก สำนักพิมพ์รักลูกบุ๊กส์
การสอนแบบภาษาธรรมชาติ
Whole Langua
ที่มาของการสอนภาษาแบบธรรมชาติ
การสอนภาษาแบบธรรมชาติ เกิดจากหลักการ และแนวคิด ของนักศึกษา
นักวิจัยทางภาษา
ที่มีชื่อเสียง คือ Jean piaget ผู้เชื่อว่าการที่เด็กได้เคลื่อนไหวสัมผัสสิ่งต่างๆรอบตัวจะเป็นการคิดสร้าง
ความรู้ขึ้นภายในตนหรือเด็กเป็นผู้กระทำ
ไม่ใช่การรับเข้าไปเฉยๆ การเรียนรู้ของเด็กเกิดจากอิทธิพล
ทางสังคม
และเชื่อว่าการสอนภาษาเป็นความสำคัญที่เด็กจะต้องใช้เพื่อการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน
ของเด็กและภาษามีความหมายต่อชีวิต
การเรียนภาษาจึงต้องมาจากสิ่งที่เป็นจริงและเกี่ยวข้องกับเด็ก
โดยเรียนภาษาแบบองค์รวมคือ เรียน ฟัง พูด อ่าน เขียนไปพร้อมกัน
การสอนภาษาแบบธรรมชาติ
การสอนภาษาแบบธรรมชาติคือ การที่เด็กได้เรียนรู้
การใช้ภาษาทั้งด้านการ ฟัง พูด อ่าน เขียน
เป็นไปตามธรรมชาติอย่างมีความหมายสอดคล้องเหมาะสมกับวัย โดยไม่แยกว่าต้องอ่านก่อน เขียน
ก่อน
แต่จะเน้นให้เด็กได้ลงมือกระทำด้วยตนเอง เช่นการอ่านนิทาน เล่าเรื่องราว
ฟังเรื่องเล่าจากเพื่อน
ฟังนิทานจากครู เป็นต้น
ลักษณะการสอนภาษาแบบธรรมชาติ
เด็กเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้
เด็กมีโอกาสเลือกกิจกรรมปฏิบัติอย่างอิสระ
ครูเป็นผู้สนับสนุน
การเรียนรู้และร่วมมือจัดการเรียนการสอนระหว่างเด็กกับครู
ตั้งแต่วางแผนการเรียนว่า จะทำอะไร ที่ไหน
เมื่อไหร่ อย่างไร ใช้อุปกรณ์อะไร
และใครรับผิดชอบส่วนไหนบ้าง คำนึงถึงการมีปฏิสัมพันธ์ของเด็ก
เพราะเด็กจะต้องอยู่ในสังคม ห้องเรียนจึงเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมให้กับเด็ก
สถานศึกษาที่จัดการเรียนการสอนแบบภาษาในระดับปฐมวัย
• โรงเรียนเกษมพิทยาได้ค้นพบว่า
ปัจจุบันเด็กประถมวัยมีปัญหาการเรียนภาษา มีทัศนคติที่ไม่ดี
เชื่อว่าเรียนภาษายาก
เพราะการสอนเด็กด้วยระบบเก่าเน้นทักษะและเน้นไวยากรณ์
โดยการแจก ลูกผสมคำ แต่เด็กกลับอ่านหนังสือไม่ออกในระดับประถมศึกษา ถึงแม้จะฝึกหนัก
โดยการแจก ลูกผสมคำ แต่เด็กกลับอ่านหนังสือไม่ออกในระดับประถมศึกษา ถึงแม้จะฝึกหนัก
• การแก้ปัญหาดังกล่าวคือ
การเลือกใช้วิธีการสอนที่เหมาะสมกับเด็กปฐมวัย
เพราะการพัฒนาการ
ทางสมองจะมีการทำงานแบบองค์รวม
ทางสมองจะมีการทำงานแบบองค์รวม
อ้างอิง
กุลยา ตันติผลาชีวะ (2545). รูปแบบการเรียนการสอนปฐมวัยศึกษา.
กรุงเทพมหานคร: บริษัทเอดิสัน เพรสโปรดักส์ จำกัด.
บุบผา เรืองรอง (2550). ภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย . นครศรีธรรมราช:
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช.
วรนาท รักสกุลไทย (2554).
นวัตกรรมการสอนภาษาแบบธรรมชาติ. กรุงเทพมหานคร:
Thai Teacher TV. (2554 ) . นวัตกรรมการสอนภาษาแบบธรรมชาติ . กรุงเทพมหานคร:
โรงเรียนเกษมพิทยา.
Thai Teacher TV. (2554 ) . นวัตกรรมการสอนภาษาแบบธรรมชาติ . กรุงเทพมหานคร:
โรงเรียนเกษมพิทยา.
ทักษะ / Skills
- ทักษะการฟัง
- ทักษะการคิด
- ทักษะการนำเสนอ
- ทักษะการเชื่อมโยง
เทคนิคการสอน / Teaching Techniques
- การบรรยาย
- ให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็น
- ให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะ
การนำไปประยุกต์ใช้ / Application
สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปเป็นแนวทางในการเรียนการสอน และสามารถนำไปบูรณาการใน
รายวิชาอื่นได้
การประเมิน / Evaluation
ประเมินตนเอง เข้าเรียนตรงเวลา
แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจเรียน
ประเมินเพื่อน เพื่อนเข้าเรียนตรงเวลา
ตั้งใจเรียน
ประเมินอาจารย์ อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา
แต่งกายเรียบร้อย เตรียมเนื้อหาการสอนมาได้ดี
คำศัพท์ / Vocabulary
องค์ประกอบ = Element
ความร่วมมือ = Cooperation
บรรยากาศ = Atmosphere
สิ่งแวดล้อม = Environment
ลงมือปฏิบัติ =
Practice
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น