Record 2
Monday 22 January 2018
เนื้อหาการเรียนการสอน / Teaching content
การเรียนการสอนในวันนี้อาจารย์ให้แต่ละกลุ่มที่อาจารย์มอบหมายงานให้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วออกมานำเสนองานของกลุ่มตนเอง
กลุ่มที่ 1 เรื่องพัฒนาการและคุณลักษณะตามวัยของเด็กปฐมวัย
ด้านร่างกาย
เด็กอายุ 3 ปี
- กระโดดขึ้นลงอยู่กับที่ได้
- รับลูกบอลด้วยมือและลำตัว
-เดินขึ้นบันไดสลับเท้าได้
- เขียนรูปวงกลมตามแบบได้
- ใช้กรรไกรมือเดียวได้
เด็กอายุ 4 ปี
- กระโดดขาเดียวอยู่กับที่ได้
- รับลูกบอลได้ด้วยมือทั้งสอง
- เดินขึ้น -
ลงบันไดสลับเท้าได้
- เขียนรูปสี่เหลี่ยมตามแบบได้
- ตัดกระดาษเป็นเส้นตรงได้
- กระฉับกระเฉงไม่ชอบอยู่เฉย
เด็กอายุ 5 ปี
- กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องได้
- รับลูกบอลที่กระดอนขึ้นจากพื้นได้ด้วยมือทั้งสอง
- เดินขึ้น - ลงบันไดสลับเท้าได้อย่างคล่องแคล่ว
- เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบได้
- ตัดกระดาษตามแนวเส้นโค้งที่กำหนด
- ใช้กล้ามเนื้อเล็กได้ดี เช่น ติดกระดุม ผูกเชือกรองเท้า ฯลฯ
- ยืดตัว คล่องแคล่ว
ด้านอารมณ์และจิตใจ
เด็กอายุ 3 ปี
- แสดงอารมณ์ตามความรู้สึก
- ชอบที่จะทำให้ผู้ใหญ่พอใจและได้คำชม
- กลัวการพลัดพรากจากผู้เลี้ยงดูใกล้ชิดน้อยลง
เด็กอายุ 4 ปี
- แสดงออกทางอารมณ์ได้เหมาะสมกับบางสถานการณ์
- เริ่มรู้จักชื่นชมความสามารถ ผลงานของตนเองและผู้อื่น
- ต้องการให้มีคนฟัง คนสนใจ
เด็กอายุ 5 ปี
- แสดงอารมณ์ได้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างเหมาะสม
- ชื่นชมผลงานของตนเองและผู้อื่น
- ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางน้อยลง
- เล่นหรือทำงานโดยมีจุดมุ่งหมายร่วมกับผู้อื่นได้
- รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย
ด้านสังคม
เด็กอายุ 3 ปี
- รับประทานอาหารได้ด้วยตนเอง
- ชอบเล่นแบบคู่ขนาน (เล่นของเล่นชนิดเดียวกัน แต่ต่างคนต่างเล่น)
- เล่นสมมุติได้
- รู้จักรอคอย
เด็กอายุ 4 ปี
- แต่งตัวได้ด้วยตนเอง ไปห้องส้วมได้เอง
- เล่นร่วมกับคนอื่นได้
- รอคอยตามลำดับก่อน -หลัง
- แบ่งของให้คนอื่น
- เก็บของเล่นเข้าที่ได้
เด็กอายุ 5 ปี
- ปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง
- เล่นหรือทำงานโดยมีจุดมุ่งหมายร่วมกับผู้อื่นได้
- พบผู้ใหญ่ รู้จักไหว้ ทำความเคารพ
- รู้จักขอบคุณ เมื่อรับของจากผู้ใหญ่
- รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย
ด้านสติปัญญา
เด็กอายุ 3 ปี
- สำรวจสิ่งต่างๆ ที่เหมือนกันและต่างกันได้
- บอกชื่อของตนเองได้
- สนทนาโต้ตอบ/เล่าเรื่องด้วยประโยคสั้นๆ ได้
- ร้องเพลง ท่องกลอน คำคล้องจองง่ายๆ และแสดงท่าทางเลียนแบบได้
- รู้จักใช้คำถาม “อะไร”
เด็กอายุ 4 ปี
- จำแนกสิ่งต่างๆ ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้
- สนทนาโต้ตอบ/เล่าเรื่องเป็นประโยคอย่างต่อเนื่อง
- สร้างผลงานตามความคิดของตนเอง โดยมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น
- รู้จักใช้คำถาม “ทำไม”
เด็กอายุ 5 ปี
- บอกความแตกต่างของกลิ่น สี เสียง รส
รูปร่างจำแนกและจัดหมวดหมู่สิ่งของได้
- พยายามหาวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง
- รู้จักใช้คำถาม “ทำไม” “อย่างไร”
- เริ่มเข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรม
กลุ่มที่ 2 เรื่องความสนใจและความต้องการของเด็กปฐมวัย
ความต้องการ ความสนใจและการเล่นของเด็กปฐมวัย
เด็กปฐมวัยเป็นวัยเริ่มต้นของชีวิตที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาความเป็นมนุษย์ การสร้างรากฐานที่ดีทั้งทางร่างกาย
และจิตใจให้กับเด็กในวันนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะช่วงอายุแรกเกิด ถึง6
ปีเป็นระยะที่มีความสำคัญช่วงหนึ่งในการวางรากฐานคุณภาพชีวิตของเด็ก ด้วยเหตุที่เด็กปฐมวัยมีธรรมชาติและลักษณะเฉพาะที่แตกต่างไปจากบุคคลวัยอื่น
ๆ
ความต้องการ
ความต้องการเป็นสิ่งจาเป็นสำหรับการดำรงชีวิต ความต้องการเกิดขึ้นเมื่อร่างกายขาดความสมดุล
ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทาให้ร่างกายเกิดความเครียด ไม่เป็นสุข
ดังนั้นร่างกายจึงต้องมีการกระทาเกิดขึ้นเพื่อให้ร่างกายกลับสู่สภาวะสมดุลตามปกติ
ชนิดของความต้องการ
1.ความต้องการของแต่ละคน (Individual Needs )
1.1 ความต้องการทางอินทรีย์
1.2
ความต้องการที่จะสร้างบุคลิกภาพ
ความต้องการที่จะสร้างบุคลิกภาพ
1.ความต้องการที่จะรักคนอื่นและให้คนอื่นรักตน
2.ความต้องการความปลอดภัย
3.ความต้องการการมีส่วนร่วม หรือเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
4. ความต้องการความสัมฤทธิ์ผลหรือต้องการให้บรรลุจุดมุ่งหมายของตน
5. ความต้องการรู้สิ่งต่าง ๆ เพื่อการพัฒนาสติปัญญา
6. ความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงจากสภาพที่อยู่ปกติให้เป็นสภาพใหม่
7. ความต้องการที่จะรับความพึงพอใจในทางสวยงาม
ความต้องการทางสังคม (Social Need)
ได้แก่
ความต้องการความปลอดภัยทางเศรษฐกิจ การนับหน้าถือตา ความนิยมชมชื่น
ความเป็นมิตรภาพต่อกัน และความต้องการในสมบูรณาการ (Integration) ซึ่งเป็นความต้องการ ที่เป็นความสุขของชีวิตตามอุดมคติ
- ความต้องการของเด็กปฐมวัย
- ความต้องการพื้นฐานทางกาย เพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่
- ความต้องการความอิสระ ควบคู่ไปกับความต้องการพื้นฐานทางกาย
- ความต้องการผลสัมฤทธิ์ มักจะต้องการให้เกิดผลสัมฤทธิ์ทั้งสิ้น
- ความต้องการประสบการณ์ที่ท้าทาย
- ความต้องการมีเพื่อน เด็กปฐมวัยส่วนใหญ่ชอบอยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่น
ความสนใจ
ความสนใจ หมายถึง
ความรู้สึกหรือเจตคติของบุคคลที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ
ความรู้สึกนั้นทาให้บุคคลเอาใจใส่และกระทำการจนบรรลุถึงจุดมุ่งหมายที่บุคคลมีต่อสิ่งนั้น
1.เกิดจากความต้องการ
2.เกิดจากการเห็นคุณค่าของสิ่งนั้น
3.เกิดจากแรงจูงใจของสิ่งเร้า
4.สิ่งที่น่าสนใจเป็นสิ่งที่มีความหมาย
5.สิ่งที่น่าสนใจเป็นสิ่งที่แปลกใหม่
มีความสัมพันธ์กับชีวิตจริงของเด็ก
6.สิ่งที่น่าสนใจเป็นสิ่งที่เด็กถนัดและมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว
ความสนใจของเด็กปฐมวัย
สิ่งที่เด็กปฐมวัยสนใจนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบ ๆ
ตัวของเด็กนั่นเอง ที่เป็นเช่นนี้
เพราะเด็กปฐมวัยยังมีลักษณะของการยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง นอกจากนี้
ช่วงเวลาของความสนใจของเด็กปฐมวัย จะค่อนข้างสั้น โดยเฉลี่ยแล้วประมาณ 2 – 3 นาที
จึงเห็นได้ว่าเด็กในวัยนี้ชอบที่จะเปลี่ยนกิจกรรมอยู่ตลอดเวลา
1.ความสนใจร่วม เนื่องจากเด็กที่มีอายุระดับใกล้เคียงกัน
2.ความสนใจในสิ่งใหม่ ๆ ควรเปิดโอกาสให้เด็กพบกับสิ่งใหม่ ๆ
3.เป็นสิ่งที่ดี ในขณะเดียวกัน ควรเพิ่มกิจกรรมไปจากความสนใจ
4.ความสนใจชั่วครู่ และความสนใจที่แตกต่างออกไป
เด็กปฐมวัยมีความสนใจในสิ่งต่าง ๆ
1.สนใจการเล่นและมักจะเล่นคนเดียวมากกว่าจะเล่นกับเพื่อนเป็นกลุ่ม
2.สนใจรูปภาพในหนังสือ ภาพที่เด็กสนใจจะต้องมีสีสดใส ชัดเจน
3.สนใจฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ หรือภาพยนตร์
4.สนใจฟังเพลงที่มีจังหวะง่าย ๆ คำร้องสั้น ๆ
5.สนใจสิ่งรอบตัว ชอบซัก ชอบถาม
กลุ่มที่ 3 เรื่องการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย
การเรียนรู้คืออะไร?
การเรียนรู้ หมายถึง
การเปลี่ยนพฤติกรรมซึ่งเป็นผลมาจากประสบการณ์ที่คนเรามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม
หรือจากการฝึกหัด รวมทั้งการเปลี่ยนปริมาณความรู้ของผู้เรียน
มีองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ
1.มนุษย์ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจาก “ไม่รู้”
เป็น
“รู้” “ทำไม่ได้” เป็น “ทำได้”
“ไม่เคยทำ” เป็น “ทำ”
2.การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมนั้นต้องเป็นไปอย่างถาวร
3.การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนั้น เกิดจากประสบการณ์การฝึกฝนและการฝึกหัด
ไม่ใช่จากเหตุอื่นๆ
นอกจากนั้น
เด็กปฐมวัยคืออะไร?
เด็กปฐมวัย (Early
Childhood) เป็นคำที่ใช้เรียกเด็กที่มีอายุตั้งแต่ปฏิสนธิจนถึง 6 ปี
ซึ่งอยู่ในวัยที่คุณภาพของชีวิทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญากำลังเริ่มต้นพัฒนาอย่างเต็มที่
เด็กจะเกิดการเรียนรู้ในช่วง 0-6 ปีอย่างง่ายโดยไม่รู้ตัว
และเรียนรู้ด้วยความเพลิดเพลิน สนุกสนาน
การส่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางเด็กจะเรียนรู้ได้ดีที่สุด
ทั้งนี้จะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้แบบค้นหา และการมีปฏิสัมพันธ์
การใช้สื่อและการปรับบทบาทของครูและเด็ก
ตามหลักทฤษฎีของกลุ่มแนวคิดสร้างองค์ความรู้
การเรียนรู้หมายถึงการที่เด็กสามารถปรับความคิด เพื่อใช้ในชีวิตจริง
การเรียนรู้จึงมิใช่การสะสมความรู้จากแหล่งภายนอกเพียงเท่านั้น
ครูจําเป็นต้องให้ความสําคัญกับสิ่งที่เด็กจะต้องนําไปใช้ในชีวิตไปในขณะเดียวกันด้วย
กลุ่มที่ 4 เรื่องรูปแบบการเรียนรู้นวัตกรรมการสอนโปรเจค (Project Approach)
การสอนแบบโครงการ หมายถึง
การจัดการเรียนการสอนรูปแบบหนึ่งซึ่งให้ความสำคัญกับเด็ก
ส่งเสริมให้เด็กแสวงหาคำตอบจากการเรียนเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึกเพื่อสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง
โดยที่เด็กหรือครูร่วมกันกำหนดเรื่องที่ต้องการเรียนรู้ แล้วดำเนินการแสวงหาความรู้ด้วยกระบวนการแก้ปัญหา
โดยครูเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์ตรงและจากแหล่งเรียนรู้
แนวการเรียนการสอนแบบ Project Approach
โรงเรียนแนว Project Approach หรือการเรียนการสอนแบบโครงการ เป็นความคิดริเริ่มของ
William Heard Kilpatrick นักการศึกษาอเมริกัน ซึ่งพัฒนามาจากแนวคิดของJohn
Dewey มาประยุกต์เป็นรูปแบบการเรียนการสอน
แนว Project
Approach หรือการเรียนการสอนแบบโครงการ
เป็นการเรียนเพื่อสนองความต้องการของเด็ก ไม่มีการแข่งขัน แต่เป็นการเรียนแบบร่วมมือ
เป็นนวัตกรรมทางการสอนที่บูรณาการการสอนหลายๆอย่างเข้าไว้ด้วยกัน เช่น
- Child Center (การเรียนรู้ในลักษณะที่เด็กเป็นศูนย์กลาง)
- Whole Language (การเรียนรู้ภาษาแบบธรรมชาติ)
- High-Scope (การวางแผน ลงมือทำ และสรุปเองโดยเด็ก)
หลักการสำคัญของรูปแบบการสอนแบบโครงการ
1. เด็กศึกษาเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลุ่มลึก
จนพบคำตอบที่ต้องการ
2. เรื่องที่เด็กศึกษาเป็นเรื่องที่เด็กเป็นผู้เลือกเองตามความสนใจ
เป็นประเด็นที่เด็กตั้งคำถาม
ขึ้นมาเอง
3. จัดกิจกรรมมุ่งให้เด็กได้มีประสบการณ์ตรงกับเรื่องที่เด็กศึกษา
โดยเปิดโอกาสให้เด็กได้สังเกต
อย่างใกล้ชิด
จากแหล่งความรู้เบื้องต้น
4.
ระยะเวลาแต่ละโครงการยาวนานอย่างเพียงพอตามความสนใจของเด็กเพื่อที่จะให้เด็กค้นพบ
คำตอบ
และคลี่คลายความสงสัยใคร่รู้
5. จัดกิจกรรมให้เด็กได้ประสบกับทั้งความสำเร็จ และความล้มเหลวในกระบวนการการแสวงหา
ความรู้ตามวิธีการของเด็กเอง
6. เมื่อเด็กค้นพบคำตอบ เปิดโอกาสให้เด็กนำความรู้ใหม่ๆที่ได้นั้นมาเสนอในรูปแบบต่างๆ
ตามความ
ต้องการของเด็กเอง อาจเป็นการเขียน การวาดภาพระบายสี
การสร้างแบบจำลอง
การเล่น
บทบาทสมมติ
การแต่งนิทานหรือรูปแบบอื่นๆ
7. เด็กเสนอความรู้ต่อเพื่อนๆ
และคนอื่นๆอันแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของกระบวนการศึกษา
ของตนเอง และเกิดความภาคภูมิใจในความสำเร็จนั้น
วิธีจัดการเรียนการสอนมี 3 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 เริ่มต้นโครงการ
- เด็กๆเลือกว่าจะศึกษาเรื่องอะไร โดยครูเป็นผู้ให้คำแนะนำ
- เด็กๆอภิปรายว่า มีความรู้เดิมอะไร เกี่ยวกับเรื่องที่เลือกแล้วบ้าง ครูช่วยให้เด็กๆบันทึกความคิดของเด็กๆ ด้วยวิธีต่างๆ เช่น วาด ปั้น จำลอง ฯลฯ (เล่าประสบการณ์เดิม)
- เด็กๆบอกข้อสงสัยที่เด็กๆมีเกี่ยวกับสิ่งที่เด็กๆจะเรียนรู้ และครูช่วยบันทึกคำถามเหล่านั้น
- เด็กๆพูดคุยเกี่ยวกับว่าคำตอบที่เด็กๆจะสำรวจสืบค้นได้นั้น น่าจะเป็นอะไร อย่างไร ครูช่วยเด็กๆบันทึกความคาดคะเนของเด็กๆไว้ เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลในภายหลัง (คิดกิจกรรม)
ระยะที่ 2 ระยะพัฒนา
ให้โอกาสเด็กค้นคว้า
และมีประสบการณ์ใหม่เป็นงานในภาคสนาม ประกอบด้วยการสืบค้นตามแหล่งข้อมูลต่าง
ๆ ระยะนี้ถือเป็นหัวใจของโครงการ ครูจะเป็นผู้จัดหา จัดเตรียมแหล่งข้อมูลให้เด็กสืบค้น
ไม่ว่าจะเป็นจริง
หนังสือ วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆหรือแม้แต่การออกภาคสนามหรือไปศึกษานอกสถานที่
หรือนัดหมายผู้เชี่ยวชาญ
วิทยากรท้องถิ่น เพื่อให้เด็กได้ทำการสืบค้น สังเกตอย่างใกล้ชิด และบันทึกสิ่งที่พบเห็น
เขียนภาพที่เกิดจากการสังเกต จัดทำกราฟ แผนภูมิ ไดอะแกรม หรือสร้างแบบต่าง
ๆ สำรวจ คาดคะเน มีการอภิปรายเล่นบทบาทสมมติเพื่อแสดงความเข้าใจในความรู้ใหม่ที่ได้
ระยะที่ 3 สรุปโครงการ
ประเมิน สะท้อนกลับ และแลกเปลี่ยนงานโครงการเป็นระยะสรุปเหตุการณ์
รวมถึงการเตรียมเสนอรายงานและผลที่ได้ในรูปของการจัดแสดงการค้นพบ
และจัดทำสิ่งต่าง
ๆ สนทนา เล่นบทบาทสมมติ หรือจัดนำชมสิ่งที่ได้จากการก่อสร้างครูควรจัดให้เด็กได้แลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนเรียนรู้กับผู้อื่น
เด็กสามารถช่วยกันเล่าเรื่องการทำโครงการให้ผู้อื่นฟังโดยจัดแสดงสิ่งที่เป็นจุดเด่นให้เพื่อนในชั้นเรียนอื่น
ครู
พ่อ
แม่ ผู้ปกครอง และผู้บริหารได้เห็น ครูจะช่วยเด็กเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่จะนำมาแสดง
ซึ่งการทำเช่นนี้เท่ากับช่วยให้เด็กทบทวนและประเมินโครงการทั้งหมด
ครูอาจเสนอให้เด็กใช้จินตนาการ
ความรู้ใหม่ที่ได้ผ่านทางศิลปะ ทางละคร
ทุกครั้งที่จบโครงการจะต้องมีการไต่ตรองสารนิทัศน์
การเรียนการสอนแบบ Project Approach เป็นส่วนส่งเสริมให้เด็กได้มีการพัฒนาทักษะ
ในทุกด้านดังนี้
- การคิดอย่างมีเหตุมีผล
- การทำงานอย่างเป็นระบบ
- การวางแผนการทำงาน
- ภาษา การสื่อสาร
- พัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ
- การคิดแก้ปัญหา
- ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ
- การแสดงความคิดเห็น กล้าพูด กล้าทำ กล้าแสดงออก
- มีความคิดรวบยอด
- การแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
- มีความกระตือรือร้นต่อการเรียนรู้ของสิ่งรอบตัว
- มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
- มีความสุข สนุกสนานกับการเรียนรู้
- เห็นคุณค่าในความคิดของตนเอง
ทักษะ / Skills
- ทักษะการนำเสนอ
- ทักษะการฟัง
- ทักษะการคิด
เทคนิคการสอน / Teaching Techniques
- ให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะแก่นักศึกษา
- ใช้คำถามและให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็น
- การบรรยายเพิ่มเติม
การนำไปประยุกต์ใช้ / Application
สามารถนำความรู้ที่ได้รับในวันนี้ไปเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนในชีวิตประจำวันและในอนาคตได้
การประเมิน / Evaluation
ประเมินตนเอง เข้าเรียนตรงเวลา
แต่งกายเรียบร้อย ตั้งใจเรียน
ประเมินเพื่อน เพื่อนเข้าเรียนตรงเวลา
ตั้งใจเรียน
ประเมินอาจารย์ อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา
แต่งกายเรียบร้อย ให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะที่ดี
คำศัพท์ / Vocabulary
พัฒนาการ = Development
การเรียนรู้ = Learning
จัดประสบการณ์ = Experience
นวัตกรรม = Innovation
ขั้นอนุรักษ์ = Conservation
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น